ตามหลักฐานที่ปรากฏในทำเนียบแผ่นดินพระนารายณ์มหาราชและพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ ตรงกับสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศนภาลัย (ร.2) แห่งราชวงศ์จักรี “นายแล” และ “นางบุญมี” ภรรยา ท่านมีถิ่นกำเนิดที่นครเวียงจันทร์ (ปัจจุบันอยู่ในอาณาเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) ท่านเป็นข้าราชการในสำนักของเจ้าอนุวงศ์แห่งนครเวียงจันทร์ ต่อมานายแลได้ขออนุญาตลาออกจากราชการและอพยพครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานในเขตประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2360 ณ โนนน้ำอ้อมชีลอง ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ
ในปี 2516 นายอำเภอบ้านเขว้า (น.อ.สมคิด จาปะเกษตร) ในสมัยนั้นพร้อมด้วยนายทองคำ อยู่วิเศษ ผู้ช่วยศึกษาธิการอำเภอบ้านเขว้าและคุณนายนายอำเภอบ้านเขว้าได้ประสานไปยัง คุณหญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ (ปัจจุบันท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ) ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ ม.ร.ว.สุปะภาดา เกษมสันต์ ราชเลขานุการในพระองค์เพื่อติดต่อขอนำผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของเกษตรกรไปจำหน่ายยังสำนักพระราชวัง และได้รับการสนับสนุนให้นำผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเข้าไปจำหน่าย จึงได้มีการรวมกลุ่มกันเพื่อผลิตสินค้าออกจำหน่าย โดยการนำของท่านนายอำเภอบ้านเขว้า และได้จัดตั้งกลุ่มทอผ้าไหมอำเภอบ้านเขว้าขึ้นในสมัยนั้นเอง มีสมาชิกทั้งสิ้น 600 คน โดยมีนางแซว อยู่วิเศษ เป็นหัวหน้ากลุ่มสามารถจำหน่ายผ้าไหมให้กับสำนักพระราชวังได้ราคาผืนละ 400 บาท (ถ้าผืนไหมสวยจะได้ราคาเพิ่มอีกผืนละ 300 บาท และได้ส่งผ้าที่เหมือนกันอีก 6 ผืน)